เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ตั้งใจใช้เกมนัดสุดท้ายของศึกเอเชียนคัพ เป็นการเรียกศรัทธาจากแฟนบอลอีกครั้งแม้จะตกรอบแล้วพร้อมวางแผนเตรียมทีมไปถึงเอเชียนเกมส์ที่อินชอน
ความเคลื่อนไหวการแข่งขัน ฟุตบอล เอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือก กลุ่มบี นัดสุดท้าย ที่ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย แพ้รวด 5 นัด ยังไม่มีแต้ม รั้งบ๊วยของกลุ่ม และตกรอบแน่นอนแล้ว มีคิวพบกับ ทีมชาติเลบานอน อันดับ 3 มี 5 คะแนน ที่ยังมีลุ้นเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุด วันที่ 5 มีนาคมนี้ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับ “บิ๊กโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการทีมชาติไทยให้เข้ามารับหน้าที่เฮดโค้ชทีมชาติชุดใหญ่ลงทำศึก เอเชียนคัพ รอบคัดเลือก 2015 นัดสุดท้าย กับเลบานอน โดยตนเองวางแผนกู้ศรัทธาจากแฟนบอลกลับมาให้ได้ และยังได้มองถึงการเตรียมทีมในศึก เอเชียนเกม ปลายปีนี้ที่เกาหลีใต้ และเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ไว้แล้ว
"หลังจากนี้จะเริ่มเข้าพูดคุยกับสโมสรเพื่อขอความร่วมมือในการปล่อยนักเตะตัวหลักมาช่วยทีมชาติ เพราะเกมนี้ไม่มีผลต่อการเข้ารอบ บางสโมสรอาจจะอยากเก็บนักเตะไว้ใช้งาน เนื่องจากไทยพรีเมียร์ลีกเปิดฤดูกาลพอดี ซึ่งตนจะเริ่มเจรจา และเตรียมทีมให้เร็วที่สุด ขณะที่โปรแกรมเรียกตัวฝึกซ้อมนั้นต้องดูให้สอดคล้องกับโปรแกรมการแข่งขันไทย พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร และคงสู้เต็มที่แน่นอน เพื่อศักดิ์ศรีทีมชาติ และแฟนบอลชาวไทย"
“ซิโก้” กล่าวอีกว่า ตัวนักเตะที่จะเรียกเข้ามารับใช้ทีมชาติในนัดพบกับเลบานอน ยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้ผู้เล่นชุดใหญ่ทั้งหมด หรืออาจจะใช้ชุดใหญ่ผสมกับเตรียมเอเชียนเกมส์ แต่ตนได้เล็งนักเตะตัวหลักไว้บ้างแล้ว อาทิ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา, “เจ้าอุ้ม” ธีราธร บุญมาทัน, “เจ้าตี๋” สินทวีชัย หทัยรัตนกุล รวมไปถึงผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีกับสโมสรในช่วงเปิดฤดูกาล ก็อาจจะมีโอกาสถูกเรียกตัวเข้าร่วมทีมด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องร่วมพูดคุยกับสตาฟฟ์โค้ชอีกครั้งว่าจะเรียกใครเข้า มาบ้าง
“เกมนี้คงเล่นเต็มที่ เน้นทางเรื่องจิตใจ เรียกศรัทธาจากแฟนบอล เราไม่ได้มองแค่เกมกับเลบานอน แต่มองยาวไปข้างหน้าถึงการเตรียมทีมใน เอเชี่ยนเกมส์, ซูซูกิ คัพ ที่ต้องมีการเตรียมทีมอย่างจริงๆ เหมือนกับชุดซีเกมส์ ที่ใช้เวลาเก็บตัวยาว 7-8 เดือน และประสบความสำเร็จมาแล้ว” กุนซือทีมชาติไทยกล่าว
ที่มา http://www.goal.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น